ต่อจากตอนที่ 4
เมื่อพระยามารอ้อนวอนให้พระเถระช่วยแก้หมาเน่าออกจากคนตนให้ แล้วจะไม่มารบกวน การจัดงานอีก พระอุปคุตเถระจึงบอกกับพระยามารให้ไปที่ภูเขาลูกหนึ่ง พระยามารดีใจไม่รอช้ารีบไปยังภูเขาตามที่พระมหาเถระชี้บอกทันที
พระมหาเถระได้ตามไปแล้วเอาร่างหมาเน่าทิ้งลงเหว และเนรมิตให้สายประคตยาวขึ้น แล้วพันคอพญามาร ไว้กับเขาลูกนั้น พร้อมทั้งแจ้งว่า เมื่อเสร็จพิธีฉลองสมโภช พระมหาเจดีย์สิ้นสุดลงแล้ว จึงจะแก้โซ่ออก ปล่อยให้พญามารเป็นอิสระ (7 ปี 7 เดือน 7 วัน)
พระยาวัสสดีมาร จำต้องถูกผูกติดกับภูเขาเป็นการประจาน ด้วยโทษฐานเป็นผู้มีใจบาป คอยขัดขวางทำลายของผู้กระทำความดีของผู้อื่น อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
เวลาผ่านไปตามที่ตกลงกัน การจัดงานสมโภชน์ ก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี พระอุปคุตเถระ จึงกลับมาหาพญามาร โดยแอบอยู่ห่างๆ เพื่อฟังเสียงพระยามารว่า ละพยศร้ายหรือยัง
ฝ่ายพระยามารนั้นเมื่อได้ถุกพระอุปคุตตเถระจับมัดไว้กับภูเขาถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน หวนนึกถึงพระพุทธโคดม จึงกล่าวสดุดี ในความเมตตากรุณา ของพระพุทธเจ้า ในเรื่องที่ทรงมีมหากรุณาธิคุณ อันยิ่งใหญ่ว่า
“ทรงบำเพ็ญสิ่งอันเป็นที่สุดหามิได้ เป็นที่พึ่งพำนักแก่สัตว์โลกทั้งมวล ในกาลทุกเมื่อ พระองค์นั้น เป็นผู้ประเสริฐหาผู้เสมอเหมือนมิได้ “
“ อนึ่ง ในกาลก่อน ข้าพเจ้าได้ทำร้ายพระองค์ โดยประการต่างๆ แต่พระองค์ ก็ยังทรงมหากรุณาธิคุณ มิได้กระทำการโต้ตอบ แก่ข้าพเจ้าเลย”
“ มาบัดนี้ สาวกของพระองค์นามว่าอุปคุต ไม่มีเมตตาแก่ข้าพเจ้า กระทำกับข้าพเจ้า ให้ได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส และได้รับความอับอาย เป็นอย่างยิ่ง”
“ถ้าหากว่าข้ายังมีบุญกุศล ที่ได้สั่งสมไว้แต่กาลก่อน ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิษฐาน ปรารถนาเป็นพระสัพพัญญูในอนาคต ดังเช่นพระองค์ต่อไป”
ในขณะที่พระยามารเปล่งวาจาปรารถนาพุทธภูมิ คือปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้านั้น พระอุปคุตตเถระจึงแสดงกายให้ปรากฏแล้วเดินเข้าไปแก้มัดออกให้ทันที พร้อมทั้งขอขมาพญามาร และบอกว่า
“การกระทำครั้งนี้ ก็เพื่อให้พญามาร ระลึกได้ถึงพุทธภูมิ ที่ท่านเคยปรารถนาไว้เท่านั้นเอง มิได้มีเจตนา ที่จะล่วงเกินประการใด” ซึ่งพญามารก็เข้าใจด้วยดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น