ต่อจากตอนที่ 5
พระมหาเถระกล่าวเหตุผลต่าง ๆ ให้พระยามารได้ฟังแล้ว ก็ได้ขอให้พญามาร เนรมิตกาย เป็นพระพุทธองค์ เพื่อจะได้เห็น เป็นพุทธานุสติบ้าง
พระยาวัสสดีมาร จึงได้กล่าวข้อแม้ว่า “ ข้าแต่พระคุณเจ้า ถ้าหากข้าพระเจ้าเนรมิตกายเป็นพระรูปของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เห็นเป็น ประจักษ์กับตาแล้วไซร์ ขอพระคุณเจ้าจงอย่าได้ถวายนมัสการข้าเจ้าเป็นอันขาด ”
ครั้นเมื่อพญามารเนรมิตกาย เป็นพระพุทธเจ้า ประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ และฉัพพรรณรังสี อันวิจิตร มีพระอัครสาวกเบื้องซ้าย เบื้องขวา แวดล้อมด้วย มหาสาวกทั้งหลายเป็นบริวาร เสด็จเยื้องย่าง ด้วยพุทธลีลาอันงดงามยิ่ง พระเถระ และบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย เห็นเช่นนั้น ก็ลืมตัวพากันถวายนมัสการ
พระยามารเห็นเป็นเช่นนั้นก็พลันบันดาลให้พระรูปของพระศาสดาและสาวกทั้งหลาย ให้อันตธานหายไป กลับกลายมาเป็นรูปของตนเช่นเดิม และได้กล่าวต่อว่ากับพระอุปคุตตเถระว่า “ ทำไมพระคุณเจ้าจึงได้ถวายอภิวาทเล่า ข้าพเจ้าได้ตกลงสัญญากับพระคุณเจ้าแล้วมิใช่หรือ ว่ามิให้กระทำนมัสการ ”
แต่พระเถระ ก็กล่าวให้พญามารสบายใจว่า ทุกคนกราบไหว้พระพุทธเจ้า และพญามารก็ไม่บาปหรอก จะได้กุศลมากกว่า
จากนั้นพญามาร ก็กลับคืนสู่สวรรค์ ชั้นที่ 6 วิมานของตน ตั้งแต่พระยามารตั้งความปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว จิตใจก็มีความอ่อนน้อมศรัทธาในพระพุทธศาสนา ไม่มีความหยาบช้าดุร้ายเหมือนแต่กาลก่อนนั้นเลย
ตอนก่อนหน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น