เป็นนักลงทุน นักธุรกิจและผู้ใจบุญชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงระดับโลก จากการจัดอันดับ วอร์เรน บัฟเฟตต์ รวยติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลกทุกปี และเขามีชื่อเต็มว่า วอร์เรน เอ็ดเวิร์ด บัฟเฟตต์
เขาเป็นนักทำเงินที่เก่งที่สุดในโลก วอร์เรน บัฟเฟตต์ มีทรัพย์สินมากกว่า GDP ของประเทศกว่าครึ่งบนโลก เขามีเงินกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ และเขาทำทั้งหมดได้ แค่เพราะเขาลงทุนให้ถูกบริษัท
วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) ประกาศยกมรดกให้การกุศลเป็นหุ้นจำนวน 85% ของหุ้นส่วน B ทั้งหมดที่เขาถืออยู่ในบริษัท Berkshire Hathaway คิดเป็นเม็ดเงินมากถึง 3.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ให้แก่องค์กรการกุศล 5 องค์กรด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือ มูลนิธิ Bill and Melinda Gates องค์กรการกุศลที่ใหญ่ที่สุดในโลกของ Bill Gates อภิมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งจะได้รับในสัดส่วนสูงที่สุดคือ จำนวน 10 ล้านหุ้น หรือประมาณ 3 หมื่นล้านเหรียญ โดยทยอยรับเงินตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเป็นจำนวน 5% และอีก 5% ของหุ้นที่เหลืออยู่ในปีต่อๆ ไป จนกว่าทั้ง Bill และ Melinda ไม่เกี่ยวข้องในมูลนิธิอีกต่อไป อย่างไรก็ดี เงินบริจาคส่วนนี้ไม่สามารถคิดเป็นเม็ดเงินที่แน่นอนได้ เพราะขึ้นอยู่กับราคาหุ้นที่มีขึ้นมีลงอยู่ตลอดเวลาในอนาคต
บัฟเฟตต์ กล่าวว่า "การตัดสินใจทั้งหมดนี้มีส่วนมาจากการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ Susan Thompson Buffett ซูซานภรรยาสุดรักของเขาเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งเธอมีอายุอ่อนกว่าเขา 2 ปี และเมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ชอบพูดติดตลกเสมอว่า เธอจะมีชีวิตอยู่นานกว่าเขา และเมื่อเขาเสียชีวิต เธอจะได้รับมรดกหุ้นจากเขา และจะนำเงินที่ได้จากหุ้นบริจาคให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม และเธอจะเป็นผู้ดูแลด้วยตัวเอง" ดังนั้น บัฟเฟต์ ในฐานะที่ยังมีชีวิตอยู่ จึงต้องการสานฝันของภรรยาของเขาขณะที่เขายังมีลมหายใจ
มูลนิธิ บัฟเฟตต์ ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน เพื่อเป็นทุนการศึกษาแก่นักศึกษาของ University of Nebraska ต่อมา บัฟเฟตต์ เปลี่ยนชื่อเป็น มูลนิธิ Susan Thompson Buffett เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ภรรยาผู้ล่วงลับ
และองค์กรที่จะสานต่อความตั้งใจของเขาและภรรยาได้อย่างดีที่สุด คือ มูลนิธิ Bill and Melinda Gates ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ Bill และ Malinda เป็นผู้ก่อตั้ง ดูแล และบริหารด้วยตัวเองตั้งแต่เมื่อ 6 ปีที่แล้ว จากพื้นฐานความเชื่อที่ว่า "ทุกชีวิตของคนบนโลกใบนี้มีความเท่าเทียมกัน" โดยเป็นมูลนิธิที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่ไม่เท่าเทียมกัน ทั้งในสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ซึ่งมูลนิธิให้การสนับสนุนโครงการและการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้องในเรื่องของ การศึกษา สุขภาพอนามัยและความเป็นอยู่ของประชากร โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา หรือสีผิว นับตั้งแต่การวางแผนครอบครัว ไปจนถึงโครงการขจัดและต่อสู้โรคร้ายต่างๆ เช่น เอดส์ มาลาเรีย และวัณโรค เป็นต้น นอกจากนี้เงินส่วนหนึ่งของมูลนิธินี้ยังมุ่งตรงไปที่การพัฒนาการศึกษาใน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และห้องสมุดในสหรัฐอเมริกาเองด้วย
ทีมา http://m24hr.blogspot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น