พระ
ภิกษุ ๒ รูปเมื่อได้รับหน้าที่เป็นพระสมณฑูต
ชำแรกมหาสมุทรไปที่ปราสารแก้วแล้วแจ้งแก่พระอุปคุตตเถระถึงความประสงค์
เพื่อมานิมนต์ขึ้นไปที่ประชุมสงฆ์
เมื่อ
พระอุปคุตเถระได้รับนิมนต์ ก็เดินทางมานมัสการ และรายงานตัวต่อคณะสงฆ์
ในที่ประชุมสงฆ์พระภิกษุสงฆ์ บรรดาพระสงฆ์ทั้งปวง
มอบทัณฑกรรมให้แก่พระกีสนาคอุปคุต
เนื่องจากท่านไม่ให้้สามัคคีอุโบสถกับสงฆ์ หลีกหนีไปอยู่แต่ผู้เดียว
เมื่อพระอุปคุตทราบแล้วจึงน้อมรับทัณฑกรรม
ซึ่งคือหน้าที่ป้องกันอันตรายต่างๆที่อาจเกิดขึ้นในงานสมโภชพระสถูป ทั้ง ๗
ปี ๗ เดือน ๗ วัน
เมื่อ
พระเจ้าอโศกทรงทราบ ว่าผู้ที่จะมาทำหน้าที่นี้ คือพระอุปคุตเถระ
ก็ทรงนึกแคลงพระทัย เนื่องจากพระอุปคุตเถระนั้น มีร่างกายผ่ายผอมดูอ่อนแอ
ก็ทรงไม่แน่ใจ เกรงจะทำหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์ แต่ไม่ทรงตรัสว่ากระไร
พระ
เจ้าอโศกมหาราชทรงปริวิตกกังวลพระทัยจึงทรงดำริว่า “
เราควรจะทดสอบพระมหาเถระดูว่า ท่านจะมีฤทธานุภาพจริงหรืออย่างไร ”
จึงทรงปล่อยช้างซับมัน (ช้างตกมัน) ให้เข้าทำร้ายพระเถระ
พอ
ช้างซับมันวิ่งไล่ติดตามมา พระมหาเถระก็นึกรู้ได้ทันทีว่า
ช้างเชือกนี้พระราชาทรงแสร้งปล่อย เพื่อจะทดลองดูฤทธิ์ของเรา
ท่านจึงได้อธิษญานจิตว่า “ ขอให้ช้างนี้จงกลายเป็นช้างศิลายืนอยู่
ที่นี่เถิด ” แล้วพระมหาเถระก็ได้เดินจากสถานที่แห่งนั้นไป
พระ
เจ้าอโศกมหาราช ทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็ทรงเลื่อมใส
จึงเสด็จไปขอขมาพระเถระ พระมหาอุปคุตเถระ
ก็ให้อภัยทั้งแก่พระเจ้าอโศกมหาราช และพญาคชสาร
พระ
เจ้าอโศกมหาราชทรงวางพระทัย เมื่อเห็นว่าพระอุปคุตเถระ มีฤทธิ์เดชมาก
เมื่อนั้นจึงทรงมีพระหฤทัยปรารถนาจะกระทำสักการบูชาแก่พระมหาสถูป
สถิตแทบฝั่งแม่น้ำคงคา เสด็จมาสู่ลานพระมหาเจดีย์
เครื่องดนตรีนานาชนิดได้มาร่วมประชุมกันประโคมเสียง ณ ลานพระมหาสถูปเจดีย์
ตาม
ริมฝั่งแม่น้ำคงคาให้โชตนาการสว่างไปด้วยประทีปอเนกอนันต์จะนับมิได้พระ
ภิกษุสงฆ์ทั้งหลายเป็นอันมากก็มาสโมสรสันนิบาตพร้อมกันในที่นั้น
เพื่อจะถวายวันทนาพระมหาเจดียฐาน
ใน ขณะนั้น พระยาวัสวดีมาร ทราบว่าพระเจ้าอโศกมหาราชจะทรงกระทำมหาสักการบูชาฉลองพระมหาสถูปเจดีย์กับ พระอาราม เป็นงานที่ยิ่งใหญ่มโหฬารตระการตานัก ก็มีจิตริษยา คิดจะขัดขวางทำลายพิธีกรรมการกุศลทั้งหลายเสีย จึงได้รีบลงมาจากสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวัสวดีเทวโลก
ติดตามต่อตอนหน้า ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น