วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

เด็กกับการเล่นกีฬา


“กีฬา กีฬาเป็นยาวิเศษ” ประโยคนี้ยังใช้ได้ไม่ตกยุค ในยุคไร้พรมแดนนี้ เราสามารถดูการแข่งขันกีฬาได้เกือบทุกที กีฬาอะไรก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน พอดูมาก ๆ ก็ชักอินอยากเป็นแบบซุปเปอร์สตาร์นักกีฬานั้น ๆ เพราะค่าเหนื่อยก็เยอะ ค่าโชว์ตัวก็เยอะ รายได้มหาศาล รวยจุงเบย หลายคนมีลูกหลานก็ชักอยากให้ลูกเราเก่งแบบนั้นบาง พลักดันให้ลูกเล่นกีฬา หอบหิ้วพากันไปทั้งวันธรรมดา วันหยุด เราไปดูกันว่ากีฬาให้อะไรดีดีกับเด็กได้บ้าง

การเล่นกีฬาทำให้สมองพัฒนา

วิจัยที่ตีพิมพ์ลงใน Brain Research ฉบับเดือนกันยายน ปี พ.ศ. 2553 โดยลอรา แชดด็อกและทีมวิจัย พบว่า เด็กวัย 9-10 ปี ที่มีการออกกำลังกายหรือมีกิจกรรมการเคลื่อนไหวทางกายจะมีปริมาณสมองส่วน ฮิปโปแคมปัสใหญ่กว่าเด็กที่ไม่มีกิจกรรมการเคลื่อนไหวทางกายเลยถึง 12% ซึ่งสมองส่วนนี้ทำหน้าที่ควบคุมด้านความจำและการเรียนรู้ ยิ่งถ้าสมองส่วนนี้มีขนาดใหญ่ การเรียนรู้ของคนๆ นั้นก็จะดีขึ้นตามไปด้วย

การเล่นกีฬาสอนให้รู้จักระเบียบ วินัย พัฒนาความเป็นผู้นำ

ในกีฬาทุกประเภท จะมีกฎเกณฑ์และข้อปฏิบัติของมันอยู่ เมื่อเด็กได้เล่นกีฬา เด็กก็จะได้ซึมซับและฝึกฝนตนเองให้อยู่ในกรอบของกฎระเบียบต่าง ๆ  ทำให้เด็กอดทน ควบคุมอามณ์ กีฬาสอนให้เด็กรู้จักการอยู่รวมกันในสังคม เด็กที่เล่นกีฬาจะมีการพัฒนาบุคลิกภาพ รู้จักการเล่นเป็นทีม  ทำตัวการเป็นผู้ตามและเป็นผู้นำที่ดี

การเล่นกีฬาทำให้เกิด  self-esteem การรู้ในคุณค่าของตน

เมื่อได้เล่นกีฬา เด็กจะได้ลงมือทำ ได้ทดลองสิ่งใหม่ๆ ได้ใช้ความคิด และเกิดการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ซึ่งเด็กอาจได้พบกับความท้าทาย ความเสี่ยง อุปสรรคบ้าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นโอกาสที่จะเรียนรู้ ตัดสินใจ แก้ไขกับอุปสรรคที่เจอ ทั้งหมดนี้เป็นกระบวนการเรียนรู้ เพิ่มพูนทักษะชีวิตและพัฒนาการให้แก่เด็กทั้งทางร่างกาย อารมณ์ จิตใจและสติปัญญา ทำให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง กลายเป็นคนที่มีความคิด สร้างสรรค์ มีความรับผิดชอบสูง และซื่อสัตย์

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นยาวิเศษที่เด็กจะได้จากการเล่นกีฬา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น