เพชร ธาตุที่มีความแข็งมากที่สุดในโลก ก่อตัวขึ้นเป็นรูปผลึกภายใต้ความดันหลายล้านปอนด์ต่อตารางนิ้วและอุณหภูมิที่สูงนับพันองศา ในเปลือกโลกชั้นในที่อยู่ลึกลงจากเปลือกโลกชั้นนอกประมาณ 160 กิโลเมตร เมื่อภูเขาไฟระเบิดเพชรจึงขึ้นสู่พื้นผิวโลก
โดยเฉลี่ยแล้วเพชรที่มีคุณภาพขนาด 1 กะรัต อาจจะต้องขุดทำลายหินดินปริมาณ 50–250 ตัน เลยทีเดียว และนี่คือสาเหตุที่ทำให้เพชรมีมูลค่าสูง เนื่องจากความหายากนั่นเอง
ของเพชรที่ขุดได้ เพียง 20% เท่านั้น จึงจะมีคุณภาพดีพอสำหรับการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องประดับ ส่วนที่คุณภาพไม่ดีก็มีการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น ทำประตูยานอวกาศเพราะมีความแข็งที่ดีที่สุด สามารถทนต่อแรงเสียดสีในขณะที่ยานขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง ทำเครื่องตัด เครื่องเจียรหัวสว่านเพื่อการขุดเจาะ เป็นต้น
และต่อไปนี้เป็นประวัติความเป็นมาของ “สุดยอดเพชร” ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
โดยเฉลี่ยแล้วเพชรที่มีคุณภาพขนาด 1 กะรัต อาจจะต้องขุดทำลายหินดินปริมาณ 50–250 ตัน เลยทีเดียว และนี่คือสาเหตุที่ทำให้เพชรมีมูลค่าสูง เนื่องจากความหายากนั่นเอง
ของเพชรที่ขุดได้ เพียง 20% เท่านั้น จึงจะมีคุณภาพดีพอสำหรับการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องประดับ ส่วนที่คุณภาพไม่ดีก็มีการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น ทำประตูยานอวกาศเพราะมีความแข็งที่ดีที่สุด สามารถทนต่อแรงเสียดสีในขณะที่ยานขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง ทำเครื่องตัด เครื่องเจียรหัวสว่านเพื่อการขุดเจาะ เป็นต้น
และต่อไปนี้เป็นประวัติความเป็นมาของ “สุดยอดเพชร” ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
เพชรโฮป (Hope Diamond) ความงดงามต้องคำสาป
เป็นเพชรสีนํ้าเงินขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีนํ้าหนักถึง 45.52 กะรัต เมื่อราว ค.ศ. 1660 ถูกซื้อโดยพ่อค้าฝรั่งเศสนาม จอห์น แบ็บติส ทราวิเนียร์ โดยถูกขโมยมาจากพระนลาฏ (หน้าผาก) บางว่าจากดวงตาของเทวรูปในวัดริมแม่น้ำโคเลอรูน (Coleroon) ในอินเดีย
โดยผู้ที่ได้ครอบครองเพชรโฮป ต้องประสบความวิบัติทุกรายไป! นับตั้งแต่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งทรงซื้อเพชรนี้จากนายทราวิเนียร์ พระองค์และ พระราชวงศ์ก็ทรงได้รับภัยร้ายกาจจากการปฏิวัติของฝรั่งเศสตลอด กระทั่งนาย เฮนรีย์ ฟิลิป โฮป (เจ้าของชื่อเพชรเม็ดนี้) นายปิแอร์ คาร์เทียร์ (พ่อค้าอัญมณีชื่อดัง) ฯลฯ ล้วนประสบกับอัปมงคล
จนถึงผู้ครอบครองรายสุดท้ายคือ ตระกูลของ เซอร์ ฮาร์รีย์ วินสตัน ได้ให้เลดี้ไฮโซ ผู้หนึ่งยืมสร้อยคอเพชรโฮป สวมใส่ในงานราตรี สองเดือนต่อมา ลูกน้อยของเธอก็ตายอย่างลึกลับ สามีกลายเป็นบ้าและต้องหย่าขาดกัน
ในที่สุด ทายาทตระกูลวินสตันจึงมอบเพชรโฮปให้สถาบันสมิธ โซเนียนของสหรัฐฯ เป็นผู้อนุรักษ์แทน ด้วยการใส่ซองส่งไปทางพัสดุไปรษณีย์ธรรมดา โดยจ่ายค่าประกันเป็นเงินเพียง 160 ดอลล่าร์
โดยผู้ที่ได้ครอบครองเพชรโฮป ต้องประสบความวิบัติทุกรายไป! นับตั้งแต่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งทรงซื้อเพชรนี้จากนายทราวิเนียร์ พระองค์และ พระราชวงศ์ก็ทรงได้รับภัยร้ายกาจจากการปฏิวัติของฝรั่งเศสตลอด กระทั่งนาย เฮนรีย์ ฟิลิป โฮป (เจ้าของชื่อเพชรเม็ดนี้) นายปิแอร์ คาร์เทียร์ (พ่อค้าอัญมณีชื่อดัง) ฯลฯ ล้วนประสบกับอัปมงคล
จนถึงผู้ครอบครองรายสุดท้ายคือ ตระกูลของ เซอร์ ฮาร์รีย์ วินสตัน ได้ให้เลดี้ไฮโซ ผู้หนึ่งยืมสร้อยคอเพชรโฮป สวมใส่ในงานราตรี สองเดือนต่อมา ลูกน้อยของเธอก็ตายอย่างลึกลับ สามีกลายเป็นบ้าและต้องหย่าขาดกัน
ในที่สุด ทายาทตระกูลวินสตันจึงมอบเพชรโฮปให้สถาบันสมิธ โซเนียนของสหรัฐฯ เป็นผู้อนุรักษ์แทน ด้วยการใส่ซองส่งไปทางพัสดุไปรษณีย์ธรรมดา โดยจ่ายค่าประกันเป็นเงินเพียง 160 ดอลล่าร์
เพชรโคห์อินัวร์ (Koh-i-Noor) เพชรงามที่เปลี่ยนเจ้าของหลายครั้ง
เพชรโคห์อินัวร์ ซึ่งหนัก 186 กะรัต เป็นเพชรที่เก่าแก่ที่สุดในบรรดาเพชรที่มีชื่อเสียงต่าง ๆ เรื่องราวดั้งเดิมเกี่ยวกับเพชรนี้มาจากหลายแหล่ง
ตามตำนานฮินดูโบราณกล่าวว่า พระกฤษณะ (Krishna) เป็นผู้สวมใส่เพชรเม็ดนี้ บ้างก็ว่าเพชรนี้ถูกพบในแม่น้ำโกทาวรี (Godavari) ในอินเดียตอนกลางเมื่อ 4,000 ปีมาแล้ว ว่ากันว่า "ผู้ใดครองเพชรเม็ดนี้จักได้ครองโลก หากแต่จักพบพานความโชคร้ายต่าง ๆ ของมันด้วย"
จะมีก็แต่พระเจ้าหรือผู้หญิงที่สามารถสวมใส่ได้โดยที่จะไม่ถูกลงโทษ เพชรโคห์อินัวร์ได้ตกทอดจากบุคคลหนึ่งไปสู่บุคคลหนึ่งหลายต่อหลายครั้ง ใน ค.ศ. 1850 บริษัทอินเดียตะวันออกได้ทูลเกล้าฯ ถวายเพชรโคห์อินัวร์ แด่สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย
นักเจียระไนเพชรชื่อวัวร์ซานเจอร์ (Voorzanger) ใช้เวลา 8 วันเจียระไนเพชรนี้ใหม่เพื่อให้แวววาวยิ่งขึ้น โดยทำให้เป็นรูปทรงรีหรือรูปไข่ หนัก 108.93 กะรัต ในปัจจุบันโคห์อินัวร์ถูกเก็บรักษาและจัดแสดงที่หอคอยแห่งลอนดอน
ตามตำนานฮินดูโบราณกล่าวว่า พระกฤษณะ (Krishna) เป็นผู้สวมใส่เพชรเม็ดนี้ บ้างก็ว่าเพชรนี้ถูกพบในแม่น้ำโกทาวรี (Godavari) ในอินเดียตอนกลางเมื่อ 4,000 ปีมาแล้ว ว่ากันว่า "ผู้ใดครองเพชรเม็ดนี้จักได้ครองโลก หากแต่จักพบพานความโชคร้ายต่าง ๆ ของมันด้วย"
จะมีก็แต่พระเจ้าหรือผู้หญิงที่สามารถสวมใส่ได้โดยที่จะไม่ถูกลงโทษ เพชรโคห์อินัวร์ได้ตกทอดจากบุคคลหนึ่งไปสู่บุคคลหนึ่งหลายต่อหลายครั้ง ใน ค.ศ. 1850 บริษัทอินเดียตะวันออกได้ทูลเกล้าฯ ถวายเพชรโคห์อินัวร์ แด่สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย
นักเจียระไนเพชรชื่อวัวร์ซานเจอร์ (Voorzanger) ใช้เวลา 8 วันเจียระไนเพชรนี้ใหม่เพื่อให้แวววาวยิ่งขึ้น โดยทำให้เป็นรูปทรงรีหรือรูปไข่ หนัก 108.93 กะรัต ในปัจจุบันโคห์อินัวร์ถูกเก็บรักษาและจัดแสดงที่หอคอยแห่งลอนดอน
เพชรคูลลิแนน (The Cullinan) เพชรก่อนเจียระไนเม็ดใหญ่ที่สุดในโลก
เพชรคูลลิแนนถูกพบในค.ศ. 1905 ที่เหมืองพรีเมียร์ (Premier Mine) ในเมืองคูลลิแนน ประเทศสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ โดยโธมัส อีวาน โพเวลล์ (Thomas Evan Powell) และมอบให้กับผู้จัดการเหมือง คือ เฟรเดอริก เวลส์
เพชรได้ถูกตั้งชื่อตาม เซอร์โธมัส คูลลิแนน (Sir Thomas Cullinan) ซึ่งเป็นผู้ครอบครองเหมืองเพชรแห่งนี้ เพชรคูลลิแนนก่อนเจียระไนมีน้ำหนักถึง 3,106 กะรัต โดยตัดแบ่งเป็น 9 เม็ดใหญ่ แล้วจึงเจียระไน
เม็ดใหญ่อันดับหนึ่ง Cullinan I หรือ ดาวแห่งอัฟริกา (Great Star of Africa) มีน้ำหนัก 530.2 กะรัต ประดับอยู่ที่คฑา Sceptre with the Cross โดยสามารถครองความเป็นเพชรที่เจียระไนที่ใหญ่ที่สุดในโลกจนถึงปี 1985 (สูญเสียอันดับหนึ่่งให้แก่เพชร Golden Jubilee Diamond)
เม็ดใหญ่อันดับสอง Cullinan II หรือ Lesser Star of Africa มีน้ำหนัก 317.4 กะรัต และเป็นเพชรเจียระไนใหญ่อันดับ 4 ของโลก โดยเพชรเม็ดนี้ถูกประดับไว้ที่ มงกุฏ Imperial State Crown เก็บรักษาอยู่ที่หอคอยลอนดอน (Tower of London)
เพชรได้ถูกตั้งชื่อตาม เซอร์โธมัส คูลลิแนน (Sir Thomas Cullinan) ซึ่งเป็นผู้ครอบครองเหมืองเพชรแห่งนี้ เพชรคูลลิแนนก่อนเจียระไนมีน้ำหนักถึง 3,106 กะรัต โดยตัดแบ่งเป็น 9 เม็ดใหญ่ แล้วจึงเจียระไน
เม็ดใหญ่อันดับหนึ่ง Cullinan I หรือ ดาวแห่งอัฟริกา (Great Star of Africa) มีน้ำหนัก 530.2 กะรัต ประดับอยู่ที่คฑา Sceptre with the Cross โดยสามารถครองความเป็นเพชรที่เจียระไนที่ใหญ่ที่สุดในโลกจนถึงปี 1985 (สูญเสียอันดับหนึ่่งให้แก่เพชร Golden Jubilee Diamond)
เม็ดใหญ่อันดับสอง Cullinan II หรือ Lesser Star of Africa มีน้ำหนัก 317.4 กะรัต และเป็นเพชรเจียระไนใหญ่อันดับ 4 ของโลก โดยเพชรเม็ดนี้ถูกประดับไว้ที่ มงกุฏ Imperial State Crown เก็บรักษาอยู่ที่หอคอยลอนดอน (Tower of London)
“เจ้าน้ำตาลไร้ชื่อ” เป็นเพชรสีน้ำตาลขนาดใหญ่ 755.5 กะรัต (151 กรัม) ซึ่งถูกค้นพบใน พ.ศ . 2528 ที่เหมืองพรีเมีรยร์ในประเทศแอฟริกาใต้
โดยบริษํท De Beers ต้องการพัฒนาและทดสอบอุปกรณ์พิเศษและวิธีการตัดแบบใหม่เพื่อมาใช้เจียระไนเพชรเซนทานารี (Centenary) จึงมอบเจ้า“ลูกเป็ดขี้เหร่” (ในตอนแรกเพชรนี้ได้ถูกมองว่าเป็นลูกเป็ดขี้เหร่) ให้กับช่างเจียระไนฝีมือเลิศจากเมืองแอนท์เวิร์ป นามว่า Gabriel Tolkowsky เป็นผู้ทดลองเจียระไน
ภายหลังเพชรถูกตัดให้เหลือน้ำหนัก 545.67 กะรัต(109.13 กรัม) และต้องใช้เวลาเจียระไนถึง 3 ปีเต็ม ในห้องใต้ดินที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้การสั่นสะเทือนภายนอกมารบกวน จนได้เป็นเพชรที่มีเหลี่ยมที่ีสมบูรณ์ที่สุด คือ 148 เหลี่ยม
นปี พ.ศ. 2539 บริษํท De Beers ได้นำเพชรเข้ามาแสดงที่งานบีโอไอแฟร์ในประเทศไทย ความงดงามของเพชรกาญจนาภิเษกได้ถูกกลุ่มนักธุรกิจไทยมองเห็น และจ่ายเงินซื้ิอในราคา 6 ล้านเหรียญ ทูลเกล้าถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสที่ทรงครองราชสมบัติครบ 50 ปี โดยได้ชื่อใหม่ว่า Golden Jubilee Diamond เพื่อเอาไปประดับไว้ในคฑาทองคำของ “มหาราช” อันเป็นรักของปวงชนชาวไทย
โดยบริษํท De Beers ต้องการพัฒนาและทดสอบอุปกรณ์พิเศษและวิธีการตัดแบบใหม่เพื่อมาใช้เจียระไนเพชรเซนทานารี (Centenary) จึงมอบเจ้า“ลูกเป็ดขี้เหร่” (ในตอนแรกเพชรนี้ได้ถูกมองว่าเป็นลูกเป็ดขี้เหร่) ให้กับช่างเจียระไนฝีมือเลิศจากเมืองแอนท์เวิร์ป นามว่า Gabriel Tolkowsky เป็นผู้ทดลองเจียระไน
ภายหลังเพชรถูกตัดให้เหลือน้ำหนัก 545.67 กะรัต(109.13 กรัม) และต้องใช้เวลาเจียระไนถึง 3 ปีเต็ม ในห้องใต้ดินที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้การสั่นสะเทือนภายนอกมารบกวน จนได้เป็นเพชรที่มีเหลี่ยมที่ีสมบูรณ์ที่สุด คือ 148 เหลี่ยม
นปี พ.ศ. 2539 บริษํท De Beers ได้นำเพชรเข้ามาแสดงที่งานบีโอไอแฟร์ในประเทศไทย ความงดงามของเพชรกาญจนาภิเษกได้ถูกกลุ่มนักธุรกิจไทยมองเห็น และจ่ายเงินซื้ิอในราคา 6 ล้านเหรียญ ทูลเกล้าถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสที่ทรงครองราชสมบัติครบ 50 ปี โดยได้ชื่อใหม่ว่า Golden Jubilee Diamond เพื่อเอาไปประดับไว้ในคฑาทองคำของ “มหาราช” อันเป็นรักของปวงชนชาวไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น